Blockchain for Authentication and Traceability มาสรุปเนื้อหางานให้อ่าน

Earth DeFIRE
4 min readSep 5, 2019

--

ณ วันพ. ที่ 4 Sep 2019

ไปงานนี้มาอยู่ในตึก Gaysorn Tower ฟังไปฟังมา เนื้อหาดี เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง แค่บางส่วนที่จับจุดได้นะครับ:

(ปล. พอดีนั่งข้างห้อง รูปก็ดูยากนิดนึงครับ)

เขาโฆษณามาแบบนี้ ก่อนไปฟัง

“พลิกโฉมวงการอุตสาหกรรมในการติดตามที่มาของสินค้าในซัพพลายเชน (Traceability) และตรวจสอบความแท้จริงของสินค้า (Authentication) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง โดยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี โดย Bitkub Blockchain Technology.”

ตารางงาน

เนื้อหาขอแบ่งเป็น 4 ส่วน

  1. บล็อกเชนคืออะไร คร่าวๆ
  2. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยันสินค้า กับการเกษตรประเทศไทย
  3. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยันสินค้า กับสินค้ายาและเวชภัณฑ์/เครื่องสำอางต่างๆ
  4. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยัน ใบปริญญา/ใบจบ/ใบเซอร์ต่างๆ

…..

  1. บล็อกเชนคืออะไร อันนี้ผมให้เล่าง่ายๆสั้นๆคือ บล็อกเชนมีหน้าที่ บันทึกข้อมูลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยกเว้นมีผู้ใช้งานในเครือข่ายมากกว่า 51% ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ (ซึ่งก็บันทึกไว้ด้วยแหละ) ถ้าดูละเอียดกว่านี้ ไปฟังคุณท๊อป (จิรายุส) ตาม YouTube ได้เลย เล่าไว้ละเอียดมากครับ (ให้รูปเล่าเรื่องละกัน)

จะมีเรื่อง (อาจจะ)ใหม่ เล็กน้อยคือ การ trace สินค้า (ตรวจสอบย้อนหลัง) จะพยายามใช้ชิบฝังเข้าไปในแพ็คเกจ เรียกว่า NFC (เหมือนตั๋วเหรียญรถไฟฟ้า mrt นั่นละครับ) ก็แตะเซ็นเซอร์ดูได้ว่า สินค้านี้คืออะไร และ NFC สามารถใช้กับมือถือแอนดรอยด์ทั่วไปได้ด้วย

เรื่องบล็อกเชนและส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากด้านการเงิน (บิทคอยน์/Libra) สามารถนำมาทำงานเป็นระบบอื่นๆได้ เช่น ด้านการทวนระบบการสอบกลับ Walmart มีการใช้งานแล้ว IBM ก็ใช้ Hyperledger แล้ว แม้ด้านระบบการวัดการใช้/ซื้อ/ขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก็มี บ. บางจาก (Bangchak Corporation) ทำร่วมกับ Power Ledger แล้ว

2. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยันสินค้า กับการเกษตรประเทศไทย

*เริ่มนำร่องใช้กับอาหารออร์แกนิกเป็นหลักก่อน

*จุดประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตรและเพิ่มความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคว่า ข้อมูลเหล่านี้น่าเชื่อถืออย่างจริงๆ

*ความยากจะอยู่ที่ ประยุกต์กับ Supply Chain Management ได้แค่ไหน ช่วงขั้นตอนไหน เพราะกระบวนการมันเยอะมากๆๆ กว่าจะออกมาเป็นอาหารให้เราทานได้

*เช่นยกตัวอย่าง (อันนี้จากหัวผมเองนะครับ) เช่น ผักกาดดองกระป๋อง ย้อนกลับไปเป็นผักกาด ย้อนกลับไปเป็นเมล็ดที่มา/น้ำ/การฉีดยาฆ่าแมลง/ปุ๋ยที่ใส่ ถ้าทำหมดจะละเอียดมากกก สมมุติมีระบบ IoT ที่ฟาร์ม แจ้งว่าวันนึงรดน้ำ X ลิตร/วัน ฉีดยาฆ่าแมลงผ่านหัวฉีด X cc/เดือน ชนิดยาฆ่าแมลงจากโรงงานนี้ ผลิตเมื่อวันนี้ มีการรับรองจากที่นี้ๆ ส่วนผักเก็บเกี่ยววันที่/เวลา/โดยนายAbc มีคนขับส่งผักคือรถคันทะเบียนนี้ ผ่านเส้นทางนี้ ระหว่างทางอุณหภูมิการจัดเก็บ 3ชม. บนถนนเท่านี้ กล่อง lot. XXX นี้ มีผู้ตรวจสอบตามเส้นทางต่างๆชื่อนี้ รับรองสินค้าวันเวลานี้ ถึงโรงงานแล้วมีกระบวนการระหว่างทางแบบนี้…โอยเล่าเยอะไปละ แต่ให้เห็นภาพว่า มันมีรายละเอียดเยอะ ผมเล่าไปไม่ถึง 1% เลยมั้ง

*จะต้องเลือก CB (Certified Body) หรือ ผู้ตรวจสอบนู้นนี้ ที่มีความน่าเชื่อถือ และ CB ต้องตรวจกันเองเป็นทอดๆ หรือสลับไปสลับมา สร้างความน่าเชื่อถือ

*ภาครัฐ อย่างกระทรวงพานิชย์ให้งบอนุมัติในการทดลอง blockchain เพื่อการใช้งานจริงแล้ว แต่จะทดลองสำหรับแค่ ข้าวสารออแกนิคเท่านั้นก่อน ซึ่งจะนำร่องในปี 2563 และจะใช้เวลาทดลอง 1–2ปี

3. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยันสินค้า กับสินค้ายาและเวชภัณฑ์/เครื่องสำอางต่างๆ

*เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องการยิ่งมากกว่าการเกษตรอีก เพราะมีมูลค่ามากกว่า และมีการปลอมแปลงเยอะมาก รวมถึงมีการนำไปขายในแหล่งที่ไม่ได้รับอนุญาต/ขายแหล่งที่ไม่ได้ทำสัญญาร่วมกัน

*จะนำไปประยุกต์กับการทำงานที่ high tech มากขึ้น: 5G, AR (augmented reality), VR (virtual reality) , IoT (Internet of Things), AI, Machine Learning ซึ่งการเติบโตของเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ใช่การเติบโตแบบเส้นตรง แต่เป็น ทวีคูณ (exponential curve)

*รูปแบบปัจจุบันใช้เป็นระบบ traceability แบบ Centralized ก่อน คือ บ. ทำ QR code บนแพ็คเกจสินค้าที่ 'ต้อง' ฉีกซีลโดยเฉพาะของ บ. นั้นๆ และขูดแถบที่ปิดไว้ที่มี QR ด้านใน เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าเป็นของจริงจากโรงงานที่กำหนด เป็น running QR code หรือแปลว่าสินค้า 1ล้านชิ้น มี QR แต่ละรายสินค้าเลย 1ล้าน QR

*เพิ่มการตรวจสอบเพื่อเติมคือการที่ลูกค้าสแกน QR จะทำการร้องขอ Location ของลูกค้าด้วย เพื่อให้ตรวจสอบได้ว่า ผู้จัดจำหน่ายนำไปขายในแหล่งที่กำหนด (ถ้าลูกค้าปิดไม่ให้ตรวจก็อาจจะไม่ให้เช็ค100% หรือถ้าเปิดให้เช็ค อาจจะมีโค้ดส่วนลดแจกลูกค้า เพื่อเป็นการชักชวนให้เปิดแสดงแก่ บ. ผู้ขาย)

*อีกอย่างที่น่าสนมากคือ micro plastic จาก บ. YPB ซึ่งคิดค้นเมล็ดพลาสติกที่มีความสามารถในการใช้ในการ trace สินค้าได้ โดยที่สามารถผสมกับแพ็คเกจไปได้เลย เช่นแบบกล่องยา 100% อาจจะต้องผสม micro plastic ไป 0.1% (อันนี้เดาๆเอาเองนะครับ) แล้ว ทำให้แพ็คเกจสามารถใช้มือถือทั่วไปถ่ายรูปส่องแพ็คเกจอย่างใกล้ชิดทำให้เช็คที่มาของแหล่งสินค้าได้เลย ที่สำคัญคือถูกมากกว่าตัวชิบ NFC เป็น 10 เท่าเลย เพราะใช้ปริมาณน้อยมากๆ

4. บล็อกเชนเพื่อการตรวจสอบยืนยัน ใบปริญญา/ใบจบ/ใบเซอร์ต่างๆ

*มีเรื่องการเกริ่นว่า การศึกษาในอนาคตจะไม่เป็นเหมือนเดิม ทำไม นักเรียนนักศึกษา จะต้องเรียนอะไร 3–4ปี ในสิ่งที่ นร. ไม่ชอบ แต่จะเป็นสิ่งที่เรียนรู้สำหรับสิ่งที่นำไปใช้ได้จริง และ นร. อยากเรียน เป็น specific รายบุคคลเลย คล้ายๆกับ เวลาเราซื้อของออนไลน์แล้ว มีสินค้าคล้ายมานำเสนอว่า you may also like this

*แก่นสำคัญของบล็อกเชนคือ จะนำมาสร้างใบปริญญา/ใบเซอร์ ที่ปลอมแปลงไม่ได้ เปลี่ยนแปลงข้อมูลไม่ได้ ตรวจสอบได้ง่าย

*ปัญหาคือ ประมาณ 10% ของใบปริญญา/ใบเกรด/ใบต่างๆ นำมาให้ บ. ต่างๆ แล้วมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เกรด ตัวนึงตก ก็อาจจะแก้ให้เป็นผ่าน หรือ ไม่ได้เรียนคอร์สนี้ แต่ก็เพิ่มคอร์สนี้เอง ให้ นร. ดูมีความรู้มากขึ้น ซึ่งตามสถิติ บ. หลายๆที่ ได้ใบเหล่านี้มา ก็ไม่ได้ย้อนกลับไปเช็คว่ากับ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ว่าเด็กที่มาสมัครได้ส่งข้อมูลที่ถูกต้อง 100%

*guest speaker จาก SCG แจ้งว่า บ. ของเขาทำการเช็ค resume/ใบต่างๆ 100% กับองค์กร/มหาวิทยาลัย ที่เด็กส่งมา และเป็น pain point ที่เสียเวลาและใช้กำลังคนมาก

*แชร์ประสบการณ์ของผมเอง ผมเคยลองเรียนคอร์สของ มหาวิทยาลัย University of Nicosia ซึ่งเขาจะให้ใบเซอร์หลังเรียนคอร์สจบแล้ว ตรวจสอบกลับผ่านทางลิ้งค์ได้ว่า นร. ได้เรียนจริง ตามลิ้งนี้ https://verify.unic.ac.cy/verify

ซึ่งก็ง่ายๆเลย คือเอาไฟล์ PDF ไปอัพโหลดบนเวบ เวบก็จะแจ้งว่า ใบเซอร์ตัวนี้ของจริงของปลอมผ่านระบบบล็อกเชนของ มหาวิทยาลัยเลย ตัวอย่างของผมเอง อยากลองตรวจสอบดู คอมเม้นท์ทิ้งไว้ เดี๋ยวผมส่งตัวไฟล์ PDF ให้ลองได้นะครับ (คะแนนก็ไม่ได้ดีนักหนา เอามาอวดทำไม 555+)

*ถ้าระบบแบบใบต่างๆแบบนี้ ขึ้นบนบล็อกเชนแล้ว ที่น่าห่วงคือเรื่องของ Privacy เพราะ นร. จะหวงความเป็นส่วนตัวมากๆ เช่นเราไปสอบตกวิชานึง แล้วมันเปิด public ได้ ไม่ขายหน้าไม่ตลอดชีวิตงั้นหรือ

*ที่น่ากลัวกว่าคือการทดลองในประเทศจีน ไม่กลัวเรื่อง Privacy เลย เป็นหนูทดลองได้เต็มที่ แปลว่าจีนเอาข้อมูลคนมาวิเคราะห์ทำ data analysis ได้เต็มที่มากๆ ทำให้ประเทศจีนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างทุกวันนี้

ถ้าชอบบทความนี้ รบกวนปรบมือ (กดค้างที่ไอค่อนมือ) ให้ด้วยนะครับ ^^

Summary:

สุดท้ายแล้ว ซัพพลายเชน (Traceability) และตรวจสอบความแท้จริงของสินค้า (Authentication) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เป็นไปได้อย่างแน่นอนครับ 4 ผู้เล่นในการซื้อขาย (Manufacturer, Distributor, Retailer, Consumer) ล้วนแล้วได้ประโยชน์ทั้งนั้น แต่แน่นอนว่าก็ต้องตามมาด้วย ค่าใช้จ่ายอันสูง และก็อยู่ที่ว่า ใครยอมจ่ายให้ก่อนเพื่อเปิดทางให้ผู้เล่นได้ใช้งานจริง

--

--

Earth DeFIRE
Earth DeFIRE

Written by Earth DeFIRE

https://linktr.ee/EarthDeFIRE - เขียน/สรุป/วิเคราะห์ เกี่ยวกับ Crypto / DeFi / Mindset & การลงทุนในเทรนด์แห่งอนาคต มากกว่า 550 บทความ